ผอ.รร.ถูกกล่าวหาบังคับเด็ก ป.3 กราบเท้า ดอดขอโทษผู้ปกครอง

ผอ.โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกกล่าวหาบังคับเด็กนักเรียนชาย ป.3 กราบเท้าและไล่ออก โทษฐานเด็กเล่นกันรุนแรง เข้าขอโทษผู้ปกครองเด็กแล้ว แจงอาจมีการสื่อสารผิดพลาด ด้านพ่อเด็กเผยไม่ติดใจและให้อภัย จากกรณีที่นายสิงหา (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ปกครอง ด.ช.แมน (นามสมมติ) อายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนอนุบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย หลังจากลูกชายเล่าให้ฟังว่า วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนไล่ออก และบังคับให้กราบเท้า สาเหตุเพราะลูกชายเล่นกับเพื่อนรุนแรง หลังเกิดเหตุก็ได้พาลูกชายไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางโรงเรียน ซึ่ง ผอ.ชี้แจงว่าไม่ได้ไล่ออก เพียงแยกย้ายเด็กทะเลาะกันเท่านั้น จึงให้ลูกยกมือไหว้ขอโทษแล้วก็กลับไปเรียนต่อเหมือนเดิม ก็คิดว่าจบเรื่องแล้วไม่มีอะไร แต่วันต่อมายังมีครูในโรงเรียนพูดล้อเลียนตอกย้ำกับเด็กอีกว่า ผอ.ไล่ออกแล้ว ยังมาโรงเรียนอีกทำไม ทำให้นายสิงหา รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ และมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ พร้อมเรียกร้องให้ ผอ. หรือทางโรงเรียนออกมาชี้แจง ล่าสุด ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ถูกกล่าวหา พร้อมครูประจำชั้น และครูฝ่ายปกครอง ได้เดินทางไปพบผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่บ้าน พร้อมชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองเข้าใจ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้มีการไล่เด็กออกจากโรงเรียน เพียงแยกย้ายไม่ให้เด็กตีกันแต่อาจจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดไม่ตรงกัน และยืนยันว่าไม่ได้บังคับให้เด็กก้มกราบเท้าขอโทษ เพียงเป็นการยกมือไหว้ตามปกติเท่านั้น แต่เพื่อความสบายใจและไม่ให้ปัญหาบานปลาย ผอ.และครูประจำชั้นก็ได้กล่าวขอโทษผู้ปกครอง พร้อมรับปากว่าจะไปพูดคุยกับครู และนักเรียนไม่ให้มีการพูดถึงหรือล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีก เพื่อยุติเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่ นายสิงหา พ่อของนักเรียน ป.3 บอกว่า ตอนแรกรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่หลังจากทาง ผอ.และครูประจำชั้น ได้มาพูดคุยและขอโทษก็รู้สึกสบายใจขึ้น พร้อมให้อภัยและไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่อยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเคสตัวอย่าง และขอให้ทางโรงเรียนหยุดพูดตอกย้ำเด็กอีก เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของลูกชาย และเกรงว่าจะกระทบกับการเรียนด้วย ทั้งนี้ อยากฝากให้ทางโรงเรียนได้รอบคอบในการใช้คำพูดกับเด็กไม่ว่าจะเป็นลูกของตนเองหรือเด็กคนอื่น เพราะครูถือเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติอยากให้เด็กได้รับแต่สิ่งที่ดีจากครู เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก